วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สื่ออินเตอร์เน็ต ในชีวิตประจำวัน




สื่ออินเตอร์เน็ต ในชีวิตประจำวัน 

               ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทุกคนคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า สื่ออินเตอร์เน็ตได้มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป (คิดเป็น 10% ของกลุ่มคนอายุ 12 ปีขึ้นไปจากทั่วประเทศ ที่ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน) และโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ (คิดเป็น 25% กลุ่มคนอายุ 12 ปีขึ้นไปในกรุงเทพฯ และ 20% ของคนต่างจังหวัดที่ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน) ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความหลากหลายในการใช้งานที่ทุกคนสามารถเลือกที่จะใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงาน เรื่องเรียน เพื่อการบันเทิง หรือแม้แต่จะใช้ในการจับจ่ายซื้อของต่างๆ
                 ดังนั้นถ้าเราเจาะดูในกลุ่มของผู้บริโภคในกรุงเทพฯแล้วจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อพบว่า เทรนด์การบริโภคสื่ออินเตอร์เน็ตเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆแล้วนั้น สื่ออินเตอร์เน็ตมีการเติบโตในอัตราสูงที่สุด โดยเมื่อเทียบปี 2549 กับ ปี 2552 พบว่าอัตราเติบโตเพิ่มมากขึ้นถึง 15% ในขณะที่สื่อหลักอื่นๆส่วนใหญ่ต่างก็มีอัตราการเติบโตที่ลดลง และ บางรายถึงกับติดลบก็มี
                 เมื่อแบ่งแยกดูคนกรุงเทพฯที่มีการบริโภคสื่ออินเตอร์เน็ตในช่วงอายุต่างๆ พบว่ามีการบริโภคเพิ่มขึ้นในแทบทุกกลุ่มช่วงอายุ หากแต่ว่ามีการเติบโตมากอย่างเห็นได้ชัดที่สุดในกลุ่มวัยรุ่น โดยเพิ่มขึ้นมาถึง 31% ซึ่งเหตุผลก็น่าจะมาจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตการให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้นทั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงหรืออินเตอร์เน็ตไร้สายในจุดบริการต่างๆ, การเพิ่มจำนวนของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต รวมถึงเทรนด์ความนิยมของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ หรือแม้กระทั่งโปรโมชันและแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตที่ราคาถูกและดึงดูดใจผู้ใช้
                  เมื่อเราดูในรายละเอียดของกิจกรรมในการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตนั้น ก็พบว่าในสิ่งที่กลุ่มวัยรุ่นนิยมทำทางสื่ออินเตอร์เน็ตมากที่สุด 10 อันดับนั้น 3 อันดับแรกยังคงเป็น การรับส่งอี-เมล์, การติดต่อสื่อสารอื่นๆ เช่น การแชท การส่งเอสเอ็มเอสผ่านทางอินเตอร์เน็ต และการใช้โทรศัพท์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต และการเล่นเกมออนไลน์ ส่วนอีกเทรนด์ที่ค่อนข้างมาแรง คือ การหาข้อมูล รีวิว ของสินค้าและบริษัท ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุด (+186%)
                 ในขณะที่กลุ่มวัยทำงานตอนต้นนั้นมีการใช้งานอี-เมล์มากที่สุดเช่นกัน รองลงมาคือการอ่านข่าวสารและอัพเดตเรื่องราวต่างๆ (เช่น อัพเดตข่าวในและต่างประเทศ หรือการอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารออนไลน์) และการพูดคุยติดต่อสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นอันดับที่ 3 ซึ่งการพูดคุยติดต่อสื่อสารนั้นเป็นสิ่งที่คนในกลุ่มนี้เริ่มมีพฤติกรรมในการทำเพิ่มขึ้นมากที่สุด (+176%) รองลงมาคือการหาข้อมูลของสินค้าและบริษัท (+56%)
                  ในขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่ที่อายุ 40 ปีขึ้นไปนั้นมีการใช้งานอี-เมล์มากที่สุด ตามมาด้วยการอ่านข่าวสารอัพเดตเรื่องราวต่างๆ และการดาวน์โหลดโปรแกรมหรือไฟล์ต่างๆเป็นอันดับที่ 3 ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นของการพูดคุยติดต่อสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ต (+160%) ตามมาด้วยความนิยมในการดาวน์โหลดสิ่งต่างๆ (+55%)
                    จะสังเกตได้ว่า ในทั้ง 3 กลุ่มช่วงอายุนั้นมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตในบางด้านที่มากเหมือนๆกัน เช่น การรับส่งอี-เมล์ ในขณะที่การอ่านข่าวสารและอัพเดตเรื่องราวต่างๆนั้นกลับเป็นที่นิยมเฉพาะในกลุ่มผู้ใหญ่และคนทำงาน โดยมี 2 พฤติกรรมที่น่าสนใจคือ การพูดคุยติดต่อสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ต และ ที่มาแรงก็คือ การหาข้อมูลรีวิว ของสินค้าและบริษัท ซึ่งนี่จึงอาจเป็นอีกช่องทางที่นักการตลาดสามารถเข้าไปเป็นพันธมิตรกับกลุ่มรีวิวบล็อกเกอร์ หรือคนที่ชอบเข้าไปเขียนรีวิวเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการ หรือเราอาจปรับรูปแบบการให้ข้อมูลสินค้าให้มาเป็นในรูปแบบของรีวิว ก็น่าจะดึงดูดใจผู้อ่านได้มากกว่าวิธีเดิมๆ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ภัยทางเน็ต!! หลอกไปข่มขืนใน ม.เกษตร



อ้างตัวเป็นอาจารย์ ม.เกษตรฯ หลอกนักศึกษา ล่อลวงไปข่มขืน ใครเสียหายแจ้งและดูตัวด่วน

รวบหนุ่มหื่นกาม อ้างตัวเป็นอาจารย์ ม.เกษตรฯ หลอกนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง อ้างว่าจะพาไปสมัครเป็นพริตตี้ ที่แท้ล่อลวงไปข่มขืน แถมลักเอาทรัพย์สินไปเกลี้ยง ขณะที่ตำรวจ วอนผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อเข้าแจ้งความที่ สน.บางเขนได้ 24 ชม.

วันนี้ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.บางเขน พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผกก.สน.บางเขน พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูดิท จิตตธรรม สว.สส.สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ร่วมแถลงผลการจับกุมตัว นายพงษ์พันธ์ หรือจ้าน สองสุขสม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/76 หมู่ 5 ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2268/2553 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2553 ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ

พ.ต.อ.พัฒนากล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เอ (นามสมมติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ว่าถูกคนร้ายอ้างตัวเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอ้างว่าจะพาไปสมัครเป็นพริตตี้ ล่อลวงไปข่มขืนพร้อมทั้งขโมยเอาทรัพย์สินไป หลังจากรับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุจนกระทั่งทราบว่าคนร้ายรายนี้คือนายพงษ์พันธ์ โดยพฤติการณ์คือจะหลอกเหยื่อที่มีการโพสต์ข้อความสมัครหางานและอยากเป็นพริตตี้บนอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็จะหลอกให้เหยื่อมาพบภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อมาพบตามที่นัดก็ทำทีพาขึ้นไปทำการสัมภาษณ์งานที่ชั้น 3 อาคารสโมสรนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเข้าไปในห้องดังกล่าวนายพงษ์พันธ์ ก็หาอาศัยช่วงที่ปลอดผู้คนทำการล๊อคห้อง แล้วนำอาวุธมีดจี้บังคับข่มขู่ไม่ให้เหยื่อต่อสู้ขัดขืน พร้อมบังคับให้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับนายพงษ์พันธ์ และทำการข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ก่อนจะขโมยเอาทรัพย์สินของเหยื่อไป

พ.ต.อ.พัฒนากล่าวอีกว่า หลังศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ ตามหลักฐานที่ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน จึงทำการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ จนกระทั่งทราบว่าเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (14 ต.ค.) นายพงษ์พันธ์ได้ทำการนัดสัมภาษณ์กับสายลับในลักษณะเช่นเดียวกันกับ น.ส.เอ ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความไว้ โดยได้นัดหมายไปสัมภาษณ์ที่บริเวณซุ้มม้านั่งฝั่งตรงข้ามอาคารสโมสรนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนเข้าจับกุม โดยได้เดินทางไปทำการสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าวพร้อม น.ส.เอ เมื่อนายพงษ์พันธ์ได้เข้ามายังบริเวณม้านั่งตามที่นัดหมาย ซึ่ง น.ส.เอได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าคือคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวจริง ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม ซึ่งนายพงษ์พันธ์ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหล่าวหา จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ คาดว่าผู้ต้องหาน่าจะหลอกเหยื่อมาแล้วหลายราย จึงอยากประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อให้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สน.บางเขน ตลอด 24 ชั่วโมง








ข้อมูลทั้งหมดจาก :  http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=a2photo&date=15-10-2010&group=22&gblog=12
                                 http://youtu.be/-C6OpZIrstY

10. เทคนิคในการใช้ Internet Explorer









10 เทคนิคการใช้ Internet Explorer
คีย์ลัดในการใช้งาน Internet Explorer พอดีว่าได้ไปเจอบทความหนึ่งน่าสนใจ เพื่อให้การใช้งาน Internet Explorer ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองนำไปใช้ดูนะคะ ได้ผลอย่างไรลองมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
1. การแสดงพื้นที่บน internet Explorer ให้มากที่สุด ให้กด keyboard F11 เพื่อขยายเต็มหน้าจอ กดอีกครั้งจะเป็นการกลับสู่สภาพเดิม
2. ค้นหาข้อมูลใน web ที่กำลังใช้งาน เราสามารถ search ข้อมูลใน web ที่กำลังเข้าไปดูอยู่ได้ โดยการกด keyboard Ctrl+F
3. ปุ่มใดแทนคำสั่ง back ได้ ปุ่ม Backspace ใน keyboard สามารถใช้ทดแทนคำสั่ง back เวลาเราใช้งาน Internet Explorer ได้
4. ปิด window ให้เร็วดังใจ  ใช้ปุ่ม Ctrl+W ใน keyboard เพื่อปิด window ที่กำลังใช้งานอยู่ได้
5. ดู address bar ว่าเราเข้าเว็บไหนมาบ้าง  address bar คือตำแหน่งที่ใช้ในการพิมพ์ url ของ web site ต่าง ๆ เราสามารถดูได้ว่าเคยพิมพ์อะไรไปบ้าง โดยการกดปุ่ม keyboard F4 โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดให้ทราบ
6. save URL ให้เร็วที่สุด คุณสามารถกดปุ่ม keyboard Ctrl+D เพื่อ save ที่อยู่ใน web site ที่คุณดูอยู่ในปัจจุบันได้
7. ส่ง web ถูกใจไปให้เพื่อน  คุณทราบหรือไม่ว่า web page ต่าง ๆ ที่เราแวะเข้าไป สามารถส่งไปให้เพื่อนดูได้ เพียงแค่เลือกเมนู File เลือก Send และเลือกหัวข้อ Page by Email แค่นี้เพื่อนคุณก็จะได้รับ web ที่มีหน้าตาเหมือนกับที่คุณกำลังดูอยู่
8. เลื่อนดูหน้า web อย่างรวดเร็ว  ปกติเวลาจะดูรายละเอียดของ web page แต่ละหน้า จำเป็นต้องใช้เม้าส์คลิกลาก ขึ้น-ลง ด้านบนสุด หรือล่างสุด ทำให้ไม่สะดวกนักสำหรับผู้ไม่ถนัดในการใช้เมาส์ ลองกดปุ่ม keyboard ที่ชื่อว่า Home หรือ End ดู คงช่วยอะไรคุณได้บ้าง
9. อยาก save ภาพเป็น wallpaper  บางครั้งเราแวะไปเยี่ยมชม web site บางแห่ง แล้วถูกใจในรูปภาพนั้น ๆ และอยากจะนำกลับมาเป็น wallpaper สำหรับโปรแกรม Internet Explorer มีตัวช่วยให้คุณ เพียงแค่กด คลิกขวาที่บริเวณภาพ จากนั้นเลือกคำสั่ง Set as wallpaper
10. เลื่อนขึ้น-ลง ทีละนิด  web page บางหน้าอาจมีความยาวมาก การจะเลื่อนหน้าทีละนิดเพื่ออ่านข้อมูล ถ้าจะใช้เมาส์ บางทีอาจไม่สะดวกนัก ลองใช้ keyboard ปุ่มที่ชื่อว่า Page Up หรือ Page Down หรือว่า แค่เคาะ Spacebar ก็สามารถเลื่อนลงมากดูรายละเอียดของ web นั้นได้สะดวก น่าจะดีกว่าเยอะเลย


ข้อมูลทั้งหมดจาด : http://51010914179.blogspot.com/

ดญ.หัดแช็ต รูปว่อน-ขายตัว!




                ภัยอินเตอร์เน็ต ผู้ปกครองพาด.ญ.วัย 13 เข้าแจ้งความกับตร.ขอนแก่น หลังเหยื่อสาวมีรูปปรากฏในเว็บไซต์ขายตัวหรา เจ้าตัวเผยก่อนหน้านี้ไปเล่นแช็ตทางอินเตอร์เน็ตกับเพื่อนที่ร้านเกมและอินเตอร์เน็ต เข้าเว็บคิวคิวหาเพื่อน มีกล้องเว็บแคมเห็นกันทั้ง 2 ฝ่าย พอรุ่งขึ้นอีกวันมีเพื่อนมาบอกว่ามีรูปตนเองปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ขายตัว จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าแจ้งความ เพื่อเอาผิดกับคนเผยแพร่
                  เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 6 เม.ย. นายพจน์ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ชาวจ.ขอนแก่น พา ด.ญ.แตงโม (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.1 โรงเรียนชื่อดังในจ.ขอนแก่น กับเพื่อนนักเรียนหญิงสองคน พร้อมผู้ปกครองและญาติ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพ.ต.ท.ภูมี อีคะละ สวส.สภ.เมืองขอนแก่น ว่า เมื่อค่ำวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ด.ญ.แตงโมและเพื่อนนักเรียนหญิงรวม 3 คน ไปเล่นแช็ตทางอินเตอร์เน็ตในเว็บไซต์ต่างๆ ภายในร้านเกมและอินเตอร์เน็ต โดยมีจอกล้องเว็บแคมที่ต้นทางและปลายทางเห็นภาพคนเล่น ต่อมาจู่ๆ มีรูปด.ญ.แตงโมประกาศขายตัวในเน็ต ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ทำให้ได้รับความอับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ
                  จากการสอบสวนด.ญ.แตงโมให้การว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยเล่นแช็ตมาก่อน จนเพื่อนนักเรียนหญิง 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมาชวนแล้วพาไปเล่นที่ร้านเกมดังกล่าว ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้เข้าเว็บคิวคิวหาเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตอย่างสนุกสนาน โดยมีจอกล้องเว็บแคมที่ทางต้นทางและปลายทางสามารถติดต่อมองเห็นหน้ากันได้ กระทั่งเล่นเสร็จได้แยกย้ายกันกลับบ้าน จนรุ่งเช้าวันเดียวกันนี้ มีญาติลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายวัยไล่เลี่ยกัน มาหาที่บ้านแล้วเล่าให้ฟังว่า เข้าไปเล่นเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ตเห็นภาพตนปรากฏอยู่รวมกับคนอื่นๆ พร้อมข้อ ความประกาศขายตัว ตนตกใจมาก เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้กับตน จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้บิดาและญาติพี่น้องฟัง และพากันมาแจ้งความดังกล่าว
                     หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมดำเนินการให้ความช่วยเหลือติดตามคนที่นำภาพไปแพร่ทางเน็ตมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ข้อมูลทั้งหมดจาก : http://www.ohbar.com.au/main/view-content.php?id_content=1255








วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การรักษาโรคทางไกลด้วย Google Hangout





                เมื่อนึกถึงคำว่าเทคโนโลยี หลายๆท่านก็จะนึกถึงสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวก หรือสิ่งที่ช่วยเพิ่มความบันเทิง แต่จริงๆแล้ว เทคโนโลยีที่มีอยู่รอบๆตัว ถ้านำไปประยุกต์ใช้เช่นสนับสนุนการศึกษาทางไกล การเข้าถึงข้อมูลการเกษตร รวมถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญก็จะเพิ่มโอกาสในการอยู่รอด และเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ไม่น้อยเลยนะคะ

……บทความนี้ ไอที24ชั่วโมง จึงขอยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีใกล้ๆตัวที่มีอยู่แล้ว พบเห็นอยู่รอบๆตัวมาใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต….เช่นนำมาช่วยในการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาโรคและบริการสาธารณสุขที่ดีแม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลค่ะ
Telemedicine (การรักษาโรคทางไกล)


    
                            
                             
               Telemedicine หรือการรักษาโรคแบบทางไกล คือการนำเทคโนโลยีด้านไอที และเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคม (โทรศัพท์, คลื่นวิทยุ, คลื่นไมโครเวฟ , wi-fi, เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ , 3G , 4G, ดาวเทียม เป็นต้น) มาช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรค รักษาโรค และดูแลผู้ป่วย โดยมักจะมุ่งไปเพื่อการนำบริการด้านสาธารณสุขให้เข้าถึงพื้นที่ที่ห่างไกลและขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญและบริการด้านสุขภาพโดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วและเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งการทำ Telemedicine นี้ เป็นได้ตั้งแต่ง่ายๆเพียงแค่การทำตารางนัดหมายแบบออนไลน์ ไปจนถึงการผ่านตัดทางไกล ( remote surgery) เลยก็ได้

การ
                  
                   ทำ remote monitoring ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Telemedicine ช่วยให้การ monitor หรือการตรวจสังเกตุติดตามอาการคนไข้หรือคนแก่ ทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลา เช่นติดตั้งกล้องวงจรปิดที่สามารถส่งภาพมายังโทรศัพท์มือถือผ่านทางอินเทอร์เน็ต ให้คอยติดตามดูอาการของคนไข้หรือคนชราที่อยู่บ้านคนเดียวได้ตลอดเวลา แม้ลูกหลานจะอยู่นอกบ้าน หรือการติด sensor ไว้ที่คนไข้เพื่อให้ส่งสัญญาณการติดตามอาการ หรือส่งสัญญาณเตือนหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นมายังคอมพิวเตอร์หรือมือถือ หรือ Tablet ของผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการของคนไข้เป็นต้น

Telemedicine นี้มิใช้เรื่องใหม่ ในหลายๆประเทศมีการริเริ่มใช้มานานแล้ว และนักวิจัยก็ได้พัฒนางานวิจัยด้านนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานนับสิบปี


                  การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีแบบไร้สายและเทคโนโลยี mobile ต่างๆในปัจจุบัน ทั้ง 3G, 4G และอุปกรณ์ mobile ต่างๆ (โทรศัพท์มือถือ, Tablet, คอมพิวเตอร์แบบพกพา) ยิ่งเอื้ออำนวยต่อการพัฒนา Telemedicine ให้ก้าวไกลและสะดวกยิ่งขึ้น ยังผลให้สามารถจัดหาการสาธารณสุขที่ดีให้เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ รวมไปถึงการเข้าถึงการศึกษาและความรู้ด้านการแพทย์เป็นไปได้ง่ายขึ้น ดังนั้น Telemedicine สามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนได้ทั้งคนในเมืองและคนในชนบท
ประยุกต์ใช้ Google Hangout เพื่อการรักษาโรคทางไกล


               เมื่อเร็วๆนี้ก็มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วและใช้กันในชีวิตประจำวัน อย่าง Google hangout ที่ช่วยให้สามารถสนทนาแบบเห็นหน้ากัน ได้หลายๆคนพร้อมๆกัน ผ่านทางอินเทอร์เน็ต อันเป็นบริการที่มีอยู่ใน Google+ ที่หลายๆคนก็ใช้ในการคุยกับเพื่อน, โพส update status หรือ comment เพื่อนๆกันอยู่แล้ว มาช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาโรค แม้อยู่พื้นที่ห่างไกลและขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ

              ตัวอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เป็นตัวอย่างที่พยาบาลที่ประจำอยู่ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ บ้านหนองโสมง ตำบลอุดมทรัพย์ ซึ่งขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง จึงขอคำปรึกษากับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่ประจำอยู่ที่โรงพยาบาล ประจำอำเภอวังน้ำเขียว โดยการคุยกันผ่านทาง Google Hangout ที่ให้สนทนาแบบทั้งภาพและเสียง เหมือนกับการทำ video conference ผ่านทางอินเทอร์เน็ต 3G

              พยาบาลที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ บ้านหนองโสมง ได้เล่าถึงลักษณะอาการ และนำกล้องเวปแคมถ่ายภาพลักษณะอาการของคนไข้ เพื่อให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองช่วยวินิจฉัย ซึ่งคุณหมอก็ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีการรักษา และแนะนำยาที่จะต้องใช้ ทำให้คนไข้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ได้รับการรักษารวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอเป็นสัปดาห์เพื่อเดินทางไปหาหมอในเมือง หรือในจังหวัดอื่น


                    การทำ Telemedicine นี้ จะเห็นประโยชน์มากขึ้นเมื่อนำมาใช้กับกรณีที่แต่ละพื้นที่อยู่ห่างไกลกันมากๆ เช่นกรุงเทพกับพื้นที่บนดอยที่เชียงราย หรือประเทศไทยกับต่างประเทศเป็นต้น ซึ่งพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลในหลายๆประเทศ รวมถึงประเทศไทย ก็มักจะขาดแคลนคุณหมอ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา ซึ่งถ้าหากใช้เทคโนโลยีลักษณะนี้เข้ามาช่วย การรักษาหรือการดูแลสุขภาพ สาธารณะสุขที่ดี ก็จะเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลได้มากขึ้น

                          สำหรับประเทศไทยเอง หากพื้นที่แม้บนดอยหรือชนบทที่ห่างไกล สามารถมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างเช่น 3G เข้าถึง… การจะทำ telemedicine หรือ distant learning เพื่อการศึกษา ก็จะเป็นไปได้ง่ายขึ้น ความเจริญทางการศึกษาและการสาธารณสุข ก็จะเข้าไปสู่พื้นที่ที่ห่างไกลเหล่านั้น เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนในชนบท นำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

ข้อมูลทั้งหมดจาก : http://www.it24hrs.com/2012/telemedicine-with-google-hangouts/
                               

แถลงผลตรวจจับซอฟต์แวร์เถื่อนปี2554



บก. ปอศ. แถลงผลตรวจจับซอฟต์แวร์เถื่อนปี2554 พร้อมผลักดันไทยรณรงค์ลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์




           กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) ประกาศความพร้อมในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปีนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำของภูมิภาคในด้านการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เผยปี 2554 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น แม้จะมีการเว้นช่วงในภาวะน้ำท่วม


ในปีที่ผ่านมา บก. ปอศ. ได้ดำเนินคดีกับองค์กรธุรกิจที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีทั้งหมด 184 แห่ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 538.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับปี 2553 หากดูจากกราฟสถิติการตรวจจับละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เปรียบเทียบระหว่างปี 2551-2554 จะเห็นได้ว่า มูลค่าความเสียหายในปีที่แล้วยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน


โดยแต่ละแห่งมีมูลค่าสินทรัพย์โดยรวมอย่างน้อย 100 ล้านบาท และมีองค์กรธุรกิจ 15 แห่งจากทั้งหมด มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีองค์กรธุรกิจสัญชาติอเมริกันสองแห่งที่ถูกตรวจค้น และพบว่ามีมูลค่าการละเมิดลิขสิทธิซอฟต์แวร์ถึง 1.61 ล้านบาท


สำหรับสถิติการตรวจค้นองค์กรธุรกิจที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เมื่อปีที่ผ่านมา จะตรวจค้นที่กิจการด้านการผลิตสินค้า และกิจการด้านก่อสร้างและออกแบบ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ของการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เพื่อหวังกำไรสูง ต้นทุนต่ำ





ที่มา: BSA-International Data Corporation (IDC) 2010 Global Software Piracy Study

              ด้วยการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์โดย บก.ปอศ. กับการรณรงค์ให้องค์กรธุรกิจใช้ซอฟต์แวร์แท้ ส่งผลให้ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่สองของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ในด้านอัตราการลดลงของการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน จากสถิติข้อมูลจาก BSA เมื่อปี 2010 โดยเทียบตั้งแต่ 2549-2553 พบว่าอัตราการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในไทยลดน้อยลงร้อยละ 2 ต่อปี เป็นรองประเทศฮ่องกงเพียง 1 จุดเท่านั้น บก.ปอศ. ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของภูมิภาค ในการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปีนี้


 
                         พ.ต.อ. ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปกศ) ได้แนะนำ องค์กรภาคธุรกิจ ช่วยกันรณรงค์ให้ใช้ซอฟต์แวร์แท้ ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่เพียงแต่จะปกป้ององค์กรธุรกิจจากการถูกดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แล้ว แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย สร้างโอกาสในการจ้างงาน สร้างโอกาสทางธุรกิจ ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมไอทีและนวัตกรรมให้เติบโตขึ้น เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศอีกด้วย

ข้อมูลทั้งหมดจาก: http://www.it24hrs.com/2012/ecd-stats-2554/
                              http://www.youtube.com/watch?v=3eGFpfP5ql0&feature=youtu.be

มารยาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

                  อินเทอร์เน็ตถือได้ว่าเป็นบริการสาธารณะและมีผู้ใช้จำนวนมาก เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผู้ที่เข้ามาใช้ควรมีกฏกติกาที่ปฏิบัติร่วมกัน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานที่ผิดวิธี ในทีนี้ขอแยกเป็น 2 ประเด็น คือ
1. มารยาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในฐานะบุคคลที่เข้าไปใช้บริการต่างๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ
ด้านการติดต่อสื่อสารกับเครือข่าย ประกอบด้วย
  • ในการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายควรใช้ชื่อบัญชี (Internet Account Name) และรหัสผ่าน (Password) ของตนเอง ไม่ควรนำของผู้อื่นมาใช้ รวมทั้งนำไปกรอกแบบฟอร์มต่างๆ
  • ควรเก็บรักษารหัสผ่านของตนเองเป็นความลับ และทำการเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นระยะๆ รวมทั้งไม่ควรแอบดูหรือถอดรหัสผ่านของผู้อื่น
  • ควรวางแผนการใช้งานล่วงหน้าก่อนการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อเป็นการประหยัดเวลา
  • เลือกถ่ายโอนเฉพาะข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ เท่าที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง
  • ก่อนเข้าใช้บริการต่างๆ ควรศึกษากฏ ระเบียบ ข้อกำหนด รวมทั้งธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละเครือข่ายที่ต้องการติอต่อ
ด้านการใช้ข้อมูลบนเครือข่าย ประกอบด้วย
  • เลือกใช้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีแหล่งที่มาของผู้เผยแพร่ และที่ติดต่อ
  • เมื่อนำข้อมูลจากเครือข่ายมาใช้ ควรอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น และไม่ควรแอบอ้างผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
  • ไม่ควรนำข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต
ด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้ ประกอบด้วย
  • ใช้ภาษาที่สุภาพในการติดต่อสื่อสาร และใช้คำให้ถูกความหมาย เขียนถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
  • ใช้ข้อความที่สั้น กะทัดรัดเข้าใจง่าย
  • ไม่ควรนำความลับ หรือเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมาเป็นหัวข้อในการสนทนา รวมทั้งไม่ใส่ร้ายหรือทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ดูถูก เหยียดหยามศาสนา วัฒนธรรมและความเชื่อของผู้อื่น
  • ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นควรสอบถามความสมัครใจของผู้ที่ติดต่อด้วย ก่อนที่จะส่งแฟ้มข้อมูล หรือโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่ไปยังผู้ที่เราติดต่อด้วย
  • ไม่ควรส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ที่ก่อความรำคาญ และความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เช่น จดหมายลูกโซ่
ด้านระยะเวลาในการใช้บริการ ประกอบด้วย
  • ควรคำนึงถึงระยะเวลาในการติดต่อกับเครือข่าย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้คนอื่นๆ บ้าง
  • ควรติดต่อกับเครือข่ายเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการใช้งานจริงเท่านั้น
2. มารยาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในฐานะบุคคลที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ลงบนอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย
  • ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และข่าวสารต่างๆ ก่อนนำไปเผยแพร่บนเครือข่าย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง
  • ควรใช้ภาษาที่สุภาพ และเป็นทางการในการเผยแพร่สิ่งต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต และควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  • ควรเผยแพร่ข้อมูล และข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ไม่ควรนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ขัดต่อศีลธรรมและจริยธรรมอันดี รวมทั้งข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
  • ควรบีบอัดภาพหรือข้อมูลขนาดใหญ่ก่อนนำไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต เพื่อประหยัดเวลาในการดึงข้อมูลของผู้ใช้
  • ควรระบุแหล่งที่มา วันเดือนปีที่ทำการเผยแพร่ข้อมูล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของผู้เผยแพร่ รวมทั้งควรมีคำแนะนำ และคำอธิบายการใช้ข้อมูลที่ชัดเจน
  • ควรระบุข้อมูล ข่าวสารที่เผยแพร่ให้ชัดเจนว่าเป็นโฆษณา ข่าวลือ ความจริง หรือความคิดเห็น
  • ไม่ควรเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร รวมทั้งโปรแกรมของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และที่สำคัญคือไม่ควรแก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้อื่นที่เผยแพร่บนเครือข่าย
  • ไม่ควรเผยแพร่โปรแกรมที่นำความเสียหาย เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่าย และควรตรวจสอบแฟ้มข้อมูล ข่าวสาร หรือโปรแกรมว่าปลอดไวรัส ก่อนเผยแพร่เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลทั้งหมดจาก: http://tc.mengrai.ac.th/paisan/e-learning/internet/page35.htm

โทษของอินเทอร์เน็ต




โทษของอินเทอร์เน็ต
         - โทษของอินเทอร์เน็ต มีหลากหลายลักษณะ ทั้งที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เสียหาย, ข้อมูลไม่ดี ไม่ถูกต้อง, แหล่งประกาศซื้อขาย
ของผิดกฏหมาย, ขายบริการทางเพศ ที่รวมและกระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ
         - อินเทอร์เน็ตเป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก
         - มีข้อมูลที่มีผลเสียเผยแพร่อยู่ปริมาณมาก
         - ไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดี ทำให้การค้นหากระทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
         - เติบโตเร็วเกินไป
         - ข้อมูลบางอย่างอาจไม่จริง ต้องดูให้ดีเสียก่อน อาจถูกหลอกลวง-กลั่นแกล้งจากเพื่อน
         - ถ้าเล่นอินเทอร์เน็ตมากเกินไปอาจเสียการเรียนได้
         - ข้อมูลบางอย่างก็ไม่เหมาะกับเด็กๆ
         - ขณะที่ใช้อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์จะใช้งานไม่ได้ (นั่นจะเป็นเฉพาะการต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Dial up แต่ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะสามารถใช้งานโทรศัพท์ที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย)
         - เป็นสถานที่ที่ใช้ติดต่อสื่อสาร เพื่อก่อเหตุร้าย เช่น การวางระเบิด หรือล่อลวงผู้อื่นไปกระทำชำเรา
         - ทำให้เสียสุขภาพ เวลาที่ใช้อินเตอร์เนตเป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว

โรคติดอินเทอร์เน็ต
         โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic) เป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งนักจิตวิทยาชื่อ Kimberly S Young ได้ศึกษาและวิเคราะห์ไว้ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4 ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี แสดงว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต
         - รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต
         - มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้นอยู่เรื่อยๆ ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
         - รู้สึกหงุดหงิดเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง หรือหยุดใช้
         - คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
         - ใช้อินเทอร์เน็ตในการหลีกเลี่ยงปัญหา
         - หลอกคนในครอบครัว หรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตนเอง
         - มีอาการผิดปกติเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เช่น หดหู่ กระวนกระวาย
ซึ่งอาการดังกล่าว ถ้ามีมากกว่า 4 ประการในช่วง 1 ปี จะถือว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบร่างกาย
           ทั้งการกิน การขับถ่าย และกระทบต่อการเรียน สภาพสังคมของคนๆ นั้นต่อไป

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์
            เทคโนโลยีที่ทันสมัย แม้จะช่วยอำนวยความสะดวกได้มากเพียงใดก็ตาม สิ่งที่ต้องยอมรับความจริงก็คือ เทคโนโลยีทุกอย่างมีจุดเด่นและข้อด้อยของตนทั้งสิ้น ทั้งที่มาจากตัวเทคโนโลยีเอง และมาจากปัญหาอื่นๆ เช่น บุคคลที่มีจุดประสงค์ร้ายในโลก cyberspace อาชญากรรมคอมพิวเตอร์เป็นปัญหาหลักที่นับว่ายิ่งมีความรุนแรง เพิ่มมากขึ้น ประมาณกันว่ามีถึง 230% ในช่วงปี 2002 และแหล่งที่เป็นจุดโจมตีมากที่สุดก็คือ อินเทอร์เน็ต นับว่ารุนแรงกว่าปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์เสียด้วยซ้ำ
หน่วยงานทุกหน่วยงานที่นำไอทีมาใช้งาน จึงต้องตระหนักในปัญหานี้เป็นอย่างยิ่ง จำเป็นต้องลงทุนด้านบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัย ระบบซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพ การวางแผน ติดตาม และประเมินผลที่ต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
         แต่ไม่ว่าจะมีการป้องกันดีเพียงใด ปัญหาการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ก็มีอยู่เรื่อยๆ ทั้งนี้ระบบการโจมตีที่พบบ่อยๆ ได้แก่
         - Hacker & Cracker อาชญากรที่ได้รับการยอมรับว่ามีผลกระทบต่อสังคมไอทีเป็นอย่างยิ่ง
         - บุคลากรในองค์กร หน่วยงานใดที่ไล่พนักงานออกจากงานอาจสร้างความไม่พึงพอใจให้กับพนักงานจนมาก่อปัญหาอาชญากรรมได้เช่นกัน
          - Buffer overflow เป็นรูปแบบการโจมตีที่ง่ายที่สุด แต่ทำอันตรายให้กับระบบได้มากที่สุด โดยอาชญากรจะอาศัยช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการ และขีดจำกัดของทรัพยากรระบบมาใช้ในการจู่โจม การส่งคำสั่งให้เครื่องแม่ข่ายเป็นปริมาณมากๆ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่งผลให้เครื่องไม่สามารถรันงานได้ตามปกติ หน่วยความจำไม่เพียงพอ จนกระทั่งเกิดการแฮงค์ของระบบ เช่นการสร้างฟอร์มรับส่งเมล์ที่ไม่ได้ป้องกัน ผู้ไม่ประสงค์อาจจะใช้ฟอร์มนั้นในการส่งข้อมูลกระหน่ำระบบได้
         - Backdoors นักพัฒนาเกือบทุกราย มักสร้างระบบ Backdoors เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน ซึ่งหากอาชญากรรู้เท่าทัน ก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Backdoors นั้นได้เช่นกัน
         - CGI Script ภาษาคอมพิวเตอร์ที่นิยมมากในการพัฒนาเว็บเซอร์วิส มักเป็นช่องโหว่รุนแรงอีกทางหนึ่งได้เช่นกัน
         - Hidden HTML การสร้างฟอร์มด้วยภาษา HTML และสร้างฟิลด์เก็บรหัสแบบ Hidden ย่อมเป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกให้กับอาชญากรได้เป็นอย่างดี โดยการเปิดดูรหัสคำสั่ง (Source Code) ก็สามารถตรวจสอบและนำมาใช้งานได้ทันที
          - Failing to Update การประกาศจุดอ่อนของซอฟต์แวร์ เพื่อให้ผู้ใช้นำไปปรับปรุงเป็นทางหนึ่งที่อาชญากร นำไปจู่โจมระบบที่ใช้ซอฟต์แวร์นั้นๆ ได้เช่นกัน เพราะกว่าที่เจ้าของเว็บไซต์ หรือระบบ จะทำการปรับปรุง (Updated) ซอตฟ์แวร์ที่มีช่องโหว่นั้น ก็สายเกินไปเสียแล้ว
          - Illegal Browsing ธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ย่อมหนีไม่พ้นการส่งค่าผ่านทางบราวเซอร์ แม้กระทั่งรหัสผ่านต่างๆ ซึ่งบราวเซอร์บางรุ่น หรือรุ่นเก่าๆ ย่อมไม่มีความสามารถในการเข้ารหัส หรือป้องกันการเรียกดูข้อมูล นี่ก็เป็นอีกจุดอ่อนของธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นกัน
          - Malicious scripts จะมีการเขียนโปรแกรมไว้ในเว็บไซต์ แล้วผู้ใช้เรียกเว็บไซต์ดูบนเครื่องของตน อย่างมั่นใจหรือว่าไม่เจอปัญหาอะไร อาชญากรอาจจะเขียนโปรแกรมแฝงในเอกสารเว็บ เมื่อถูกเรียก โปรแกรมนั้นจะถูกดึงไปประมวลผลฝั่งไคลน์เอ็นต์ และทำงานตามที่กำหนดไว้อย่างง่ายดาย โดยที่ผู้ใช้จะไม่ทราบว่าตนเองเป็นผู้สั่งรันโปรแกรมนั้นเอง
          - Poison cookies ขนมหวานอิเล็กทรอนิกส์ ที่เก็บข้อมูลต่างๆ ตามแต่จะกำหนด จะถูกเรียกทำงานทันทีเมื่อมีการเรียกดูเว็บไซต์ที่บรรจุคุกกี้ชิ้นนี้ และไม่ยากอีกเช่นกันที่จะเขียนโปรแกรมแฝงอีกชิ้น ให้ส่งคุกกี้ที่บันทึกข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้ส่งกลับไปยังอาชญากร
          - ไวรัสคอมพิวเตอร์ ภัยร้ายสำหรับหน่วยงานที่ใช้ไอทีตั้งแต่เริ่มแรก และดำรงอยู่อย่างอมตะตลอดกาล ในปี 2001 พบว่าไวรัส Nimda ได้สร้างความเสียหายได้สูงสุด เป็นมูลค่าถึง 25,400 ล้าบบาท ในทั่วโลก ตามด้วย Code Red, Sircam, LoveBug, Melissa ตามลำดับที่ไม่หย่อนกว่ากัน
            ปัญหาของโลกไอที มีหลากหลายมาก การทำนายผลกระทบที่มีข้อมูลอ้างอิงอย่างพอเพียง การมีทีมงานที่มีประสิทธิภาพ การวางแผน ติดตาม ประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ คงจะช่วยให้รอดพ้นปัญหานี้ได้บ้าง

ข้อมูลทั้งหมดจาก: http://blog.eduzones.com/banny/3743
                               http://www.youtube.com/watch?v=zL2MI9EnaG8

ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต



ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต
ด้านการศึกษา
1. สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชา หรืออ่านหนังสือออนไลน์
2. ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดออนไลน์
3. นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเตอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น 4.สามารถทำการเรียนการสอนผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้







ด้านการพานิชย์
1. ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ 
2. สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
3. ทำการตลาดการโฆษณาผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
4. ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น


ด้านการบันเทิง
1. การพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อ่านหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ 
2. การเล่นเกมออนไลน์
3. สามารถฟังวิทยุหรือดูการถ่ายทอดสดผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ 
4. สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้ 


             
          นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในระบบอินเตอร์เน็ตยังมีบริการอื่นๆ อีกมากมาย พอจะสรุปได้ว่า อินเตอร์เน็ต มีความสำคัญ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย การติดต่อสื่อสารที่สะดวก และรวดเร็ว แหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร

ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อให้เกิดประโยชน์มากมายได้แก่
ด้านการติดต่อสื่อสาร เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการพูดคุยด้วยการส่งสัญญาณภาพและเสียง
เป็นระบบสื่อสารพื้นที่จำลอง (Cyberspace) ไม่มีข้อจำกัดทางศาสนา เชื้อชาติ ระบบการปกครอง กฎหมาย
มีระบบการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
สามารถค้นหาข้อมูลในด้านต่างๆ ได้ผ่านบริการ World Wide Web
การบริการทางธุรกิจ เช่น สั่งซื้อสินค้า หรือการโฆษณาสินค้าต่างๆ
การบริการด้านการบันเทิงต่างๆ เช่น การดูภาพยนตร์ใหม่ๆ การฟังเพลง ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การเกมออนไลน์ เป็นต้น


อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

อินเทอร์เน็ต ในประเทศไทย พ.ศ. 2550 
บทความโดย ปรเมศวร์ กุมารบุญ, ไพโรจน์ ไววานิชกิจ

             บริการอินเทอร์เน็ต (Internet) ในประเทศไทยได้รับความนิยมอย่างสูงและมีความต้องการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ทั้งปริมาณผู้ใช้และปริมาณอัตราการรับส่งข้อมูลที่มีปริมาณมากขึ้นทุกวัน



                      การให้บริการอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต เชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย


                    ต่อมาเมื่อ ตุลาคม 2540 เปลี่ยนรูปกิจการเป็น บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด และได้รับสิทธิ์การให้บริการอินเทอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์อีกเป็นครั้งที่สองและเมื่อ พฤศจิกายน 2544 แปรรูปพ้นสถานะรัฐวิสาหกิจโดยกระจายหุ้นส่วนใหญ่ ให้กับประชาชนผู้สนใจในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
                   จนกระทั่งได้มีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่งขึ้นมาทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมให้เกิดการแข่งขันเสรีอย่างเป็นและบริหารทรัพยากรโทรคมนาคมให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นก็คือ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กทช. นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจหน้าที่ของ กทช. ที่ พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ได้บัญญัติให้ กทช. ต้องดำเนินการเปิดการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรม จึงทำให้ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต ในประเทศไทย ณ สิ้นปี 2549 ถึง 59 ราย ภายในเวลาสองปีตั้งแต่ กทช. ปฏิบัติหน้าที่มา เนื่องจาก กทช. ได้ดำเนินนโยบายเปิดเสรีให้ผู้ที่มีศักยภาพเข้าสู่ตลาดมากขึ้นและผู้ประกอบการเสียค่าธรรมเนียมในอัตราที่ถูกมาก ทำให้ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต ทุกรายในประเทศสามารถพัฒนาคุณภาพบริการของตนให้สูงที่สุดได้และมีราคาถูกที่สุดได้ อย่างไรก็ตามผลประโยชน์ตกแก่ประชาชนเป็นหลัก

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
                    ผู้ใช้ในประเทศไทยยุคเริ่มแรกจนถึงปัจจุบันใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายเป็นสำคัญ (Fixed Line Access) โดยเริ่มตั้งแต่ผ่านสายโทรศัพท์พื้นฐานพัฒนาเรื่อยมาจนเป็นใยแก้วนำแสงในปัจจุบัน
                    Business Model บริการ อินเทอร์เน็ต ในอดีตประชาชนเข้าถึงโครงข่าย อินเทอร์เน็ต โดยการใช้คอมพิวเตอร์ต่อผ่านโทรศัพท์บ้าน โดยใช้โมเด็มเป็นอุปกรณ์โทรเรียกเข้าศูนย์ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider: ISP) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Dial Up และคิดค่าบริการเป็นชั่วโมง
                    การใช้ โมเด็ม โทรเรียกเข้าศูนย์บริการผ่านสายโทรศัพท์พื้นฐานดั้งเดิมจะมีอัตราการส่งข้อมูลที่ 28.8 kbps (28.8 กิโลบิตต่อวินาที) ซึ่งสาเหตุที่ทำความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้เพียง 28 kbps นั้น เนื่องจากว่าสายโทรศัพท์พื้นฐานตามบ้านเดิม เป็นโครงข่ายที่ทำจากลวดทองแดง ซึ่งจากคุณสมบัติทางกายภาพ (Physical Property) ของลวดทองแดงนั้น สามารถอนุญาตให้สัญญาณทางไฟฟ้า ที่มีความถี่ไม่เกิน 28 กิโลเฮิร์ซ หรือ 28 กิโลบิตต่อวินาทีเท่านั้นผ่านไปได้ แต่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เทคโนโลยีโมเด็มได้ถูกพัฒนาความเร็วข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูล (Data Compression) สามารถส่งความเร็วได้สูงถึง 56 kbps และความหวังของผู้ใช้ อินเทอร์เน็ต หลายฝ่ายดูเหมือนจะจบลงด้วยข้อจำกัดอัตราการรับส่งข้อมูลเท่านั้นอยู่หลายปี อันเนื่องมาจากข้อจำกัดของโครงข่ายสายทองแดงเดิมที่มีอยู่ทั่วโลก

ยุคอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
                       จู่ๆ ก็เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลผ่านสาย ทองแดง กันอย่างมากมายทั่วโลก โดยเริ่มเปลี่ยนแปลงเทคนิคการส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์เดิมเข้าสู่ยุค Digital Subscriber Line หรือ DSL เป็น เทคโนโลยี ที่พัฒนาการรับส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ลวดทองแดงธรรมดา ให้สามารถเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงได้ทะลุขีดจำกัดด้านคุณสมบัติทางไฟฟ้าของสายทองแดง DSL สามารถรับส่งข้อมูล อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงได้ตั้งแต่ 5 Mbps จนกระทั่งถึง 100 Mbps อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบจากเทคโนโลยี โมเด็ม แบบเดิมตรงที่สามารถเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต ได้ตลอดเวลา (Always On) โดยไม่จำเป็นต้องโทรเรียกเข้าศูนย์ผู้ให้บริการทุกครั้งและไม่นับชั่วโมงอีกต่อไป ทั้งยังสามารถใช้โทรศัพท์บ้านไปพร้อมกับการใช้ อินเทอร์เน็ต ได้อีกด้วย Business Model เปลี่ยนเป็นการเก็บค่าบริการรายเดือน

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสื่อกลางอื่นๆ
                      นอกจากนั้นยังมีการเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงผ่านข่ายสายไฟฟ้า (Broadband Power Line) ล่าสุดผู้ให้บริการไฟฟ้าทั้งสามแห่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจาก กทช. ให้สามารถให้บริการในลักษณะของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟฟ้าในประเทศได้ นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสอันดีของประชาชนในประเทศที่มีทางเลือกที่ดีมากขึ้นและเป็นการพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมโดยรวมของประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยอีกประการ
                       เทคโนโลยีไร้สายกำลังมาแรง ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่สร้างความรุ่งเรืองในวงการโทรคมนาคมสลับกับเทคโนโลยีผ่านสายอันเป็นวฎจักรเสมอมา การเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต ไร้สายในประเทศไทยได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย โดยเริ่มเกิดความนิยมจากการใช้ WiFi ของ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไร้สายซึ่งมีความสะดวกสบายจึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
                      นอกจากนั้นก็ยังมีการเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ที่รู้จักกันในนาม iPSTAR เรียกได้ว่าเป็นดาวเทียมแบบ interactive ดวงแรก
                      นอกจากนี้ในอนาคนอันใกล้เราอาจได้ยินคำว่า WISP หรือ Wireless ISP นั่นเองซึ่งเป็นผู้ให้บริการ การเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงไร้สายที่เรียกโดยรวมว่า Broadband Wireless Access (BWA) หรือเราอาจเคยได้ยินในชื่อทางการค้าอย่าง WiMax เป็นต้น WiMAX กล่าวให้เข้าใจง่ายคือ การเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตไร้สาย ที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างนั่นเอง หลายท่านคงนึกภาพการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน WiFi ออก WiMAX ก็แค่เพิ่มพื้นที่การครอบคลุมให้กว้างขึ้นนั่นเอง เรียกว่าเป็น สิบๆ กิโลเมตรเลยทีเดียว

สภาพตลาดบริการอินเทอร์เน็ต (Market Structure)
                     ปัจจุบันมีคนไทยใช้ อินเทอร์เน็ต ประมาณ 10 ล้านคน สภาพตลาดบริการโดยรวมมีจำนวนผู้รับใบอนุญาตเพื่อให้บริการ อินเทอร์เน็ต จาก กทช. ทั้งสิ้น 59 ราย บริการ อินเทอร์เน็ต ในประเทศไทยอาจกล่าวได้ว่ามีระดับการแข่งขันที่สูง เนื่องจากมีจำนวนผู้ให้บริการจำนวนมากใกล้เคียงลักษณะตลาดแบบ Perfect Competition ในอุดมคติและจำนวนผู้ใช้บริการก็มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน







ค่าบริการ อินเทอร์เน็ต
                       ในตลาดบริการ อินเทอร์เน็ต ทั้งสองตลาดมีอัตราค่าบริการที่ต่างกันตามคุณภาพบริการหรืออัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูล กล่าวคือ ตลาดอินเทอร์เน็ต ความเร็วต่ำ (Narrow Band) จะมีอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่าตลาด อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูง (Broad Band) โดยแนวโน้มของอัตราค่าบริการ อินเทอร์เน็ต มีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอด (สอดคล้องกับหลัการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรม) ปัจจุบันอัตราค่าบริการ อินเทอร์เน็ต ความเร็วต่ำราคาค่าบริการต่ำสุด 4 บาทต่อชั่วโมง ในขณะที่อัตราค่าบริการ อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงอัตราค่าบริการต่ำสุดที่ 290 บาทต่อเดือน



ข้อมูลทั้งหมดจาก : http://www.adslcool.com/it/viewrecord.php?id=56

ประวัติอินเทอร์เน็ต




ประวัติอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต(Internet) คืออะไร
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่าย เดียวกันทั้งโลก หรือทั้งจักรวาล
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามา ในเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ เครือข่ายของเครือข่าย (A network of network)
สำหรับคำว่า internet หากแยกศัพท์จะได้ออกมา 2 คำ คือ คำว่า Inter และคำว่า net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำว่า Net มาจากคำว่า Network หรือเครือข่าย เมื่อนำความหมาย ของทั้ง 2 คำมารวมกัน จึงแปลได้ว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย

ประวัติความเป็นมา 
- อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นโครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้ง เมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
- ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) ARPA ได้รับทุนสนันสนุน จากหลายฝ่าย ซึ่งหนึ่งในผู้สนับสนุนก็คือ Edward Kenedy และเปลี่ยนชื่อจาก ARPA เป็น DARPA(Defense Advanced Research Projects Agency) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่าง

และในปีค.ศ.1969(พ.ศ.2512)นี้เองที่ได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิด จาก 4 แห่ง เข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่ง DARPA ได้โอนหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรง ให้แก่ หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบัน Internet มีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหาร เครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในInternet, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับ Internet ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัคร ทั้งสิ้น
- ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) DARPA ตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ทำให้เป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่าย Internet จนกระทั่งปัจจุบัน จึงสังเกตุได้ว่า ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่จะต่อ internet ได้จะต้องเพิ่ม TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คือข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทุก platform คุยกันรู้เรื่อง และสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง
- การกำหนดชื่อโดเมน (Domain Name System) มีขึ้นเมื่อ ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เพื่อสร้างฐานข้อมูล แบบกระจาย (Distribution database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บ www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ หรือไม่ ที่ www.thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูล ของเว็บที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมด เป็นต้น
- DARPA ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบ internet เรื่อยมาจนถึง ค.ศ.1980(พ.ศ.2533) และให้ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation - NSF) เข้ามาดูแลแทนร่วม กับอีกหลายหน่วยงาน
- ในความเป็นจริง ไม่มีใครเป็นเจ้าของ internet และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ต่าง ๆ ผู้ติดสินว่าสิ่งไหนดี มาตรฐานไหนจะได้รับการยอมรับ คือ ผู้ใช้ ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ที่ได้ทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้น และจะใช้ต่อไปหรือไม่เท่านั้น ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain name ก็จะต้องยึดตามนั้นต่อไป เพราะ Internet เป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงระบบพื้นฐาน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก


- ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ไอที (IT) กำลังได้รับ ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)จะเป็นตัวที่ทำให้ เกิดความรู้ วิธีการประมวลผล การจัดเก็บรวบรวมข้อมูล การเรียกใช้ข้อมูล ตลอดจนการเรียกใช้ข้อมูล ด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์ เมื่อเราให้ความสำคัญกับเ ทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ความจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือในการใช้งานไอที เครื่องมือนั้นก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สื่อสารโทรคมนาคม อินเตอร์เน็ตนับว่าเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือไอที เพราะเราสามารถที่จะใช้งาน หาข้อมูลข่าวสาร และเข้าถึงข้อมูล ได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลเรื่องราวต่างๆ มากมาย ให้เราค้นหา ข่าวสารที่ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกเราสามารถที่จะทราบได้ทันที จึงนับได้ว่า อินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งในระดับองค์กรและในระดับบุคคล
telnet 
• เครื่องมือพื้นฐาน ที่ใช้สำหรับติดต่อกับเครื่อง Server ที่เป็น UNIX หรือ LINUX เพื่อใช้เข้าไปควบคุม การทำงานของเครื่อง หรือใช้อ่าน mail หรือใช้ปรับปรุง homepage หรือใช้เรียกโปรแกรมประมวลผลใด ๆ หรือใช้พัฒนาโปรแกรมและใช้งานในเครื่องนั้น เป็นต้น เพราะระบบ UNIX หรือ LINUX จะยอมให้ผู้ใช้สร้าง application ด้วย Compiler ภาษาต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ และเชื่อมต่อกับ Internet ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ Internet เริ่มต้นมาจากระบบ UNIX นี้เอง
• ประโยชน์อย่างหนึ่งที่ผู้ใช้โปรแกรม Telnet มักคุ้นเคย คือการใช้โปรแกรม PINE ซึ่งมีอยู่ใน Telnet สำหรับรับ-ส่ง mail และมีผู้ใช้อีกมากที่ไม่รู้ตัว ว่าตนเองกำลังใช้งาน UNIX อยู่ ทั้ง ๆ ที่ใช้ PINE ติดต่องานอยู่ทุกวัน เดิมที่ระบบ UNIX ไม่มีโปรแกรม PINE แต่มีนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย WASHINGTON University เพราะใช้ง่ายกว่าการใช้คำสั่ง mail ในการรับ-ส่งมาก
• แต่ผู้ใช้ที่ใช้ E-Mail กับเครื่อง UNIX หรือ LINUX ซึ่งใช้ตามมาตรฐาน IMAP มักเป็นกลุ่มนักศึกษา ในมหาวิทยาลัย ที่มหาวิทยาลัยได้ให้บริการ E-Mail ซึ่งมีข้อจำกัดบางประการ และหลายมหาวิทยาลัย เช่นกันที่ทำฐานข้อมูล Mail ใน UNIX และให้บริการ Mail ผ่าน browser ได้ ซึ่งเป็นหลักการที่ผู้ให้บริการ mail ฟรีหลายแห่งใช้กันอยู่
• สำหรับโปรแกรม Telnet ผู้ต้องการใช้บริการ ไม่จำเป็นต้องไป download เพราะเครื่องที่ทำการติดตั้ง TCP/IP จะติดตั้งโปรแกรม telnet.exe ไว้ในห้อง c:\windows เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ได้อยู่แล้ว แต่ ปัญหาหนักอยู่ที่วิธีการใช้ เพราะระบบ UNIX เป็นการทำงานใน Text mode เป็นหลัก การจะใช้คำสั่งต่าง ๆ ผู้ใช้จะต้องเรียนรู้มาก่อน จึงจะใช้งานได้ในระดับที่พึ่งตนเองได้ มิเช่นนั้นก็จะเหมือน คนตาบอดเดินอยู่ กลางถนน หากใช้คำสั่งไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาทั้งกับตนเอง และระบบได้ภาพ mailtel.gif
--------------------------------------------------------------------------------
Electronic mail 
• บริการ E-Mail ฟรี เป็นบริการที่มีผู้ใช้กันมาก เพราะใช้สำหรับส่ง และอ่านข้อความ กับผู้ที่ต้องการติดต่อด้วย และใช้แทนจดหมายได้อย่างดี เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และผู้รับจะได้รับในเวลาเกือบทันทีที่ส่งไป ผู้ใหับริการ E-Mail ฟรีในปัจจุบัน เช่นของ hotmail หรือ yahoo mail หรือ ตามแต่ละประเทศ ที่คนในประเทศจะทำ Server ให้บริการ สำหรับกลุ่มที่มีความสนใจคล้าย ๆ กัน เช่น thaimail.com หรือ chaiyo.com ซึ่งเป็นของคนไทย และ mail ฟรีเหล่านี้จะให้บริการไปเรื่อย ๆ ไม่มีการหมดอายุ แต่จะหมดอายุถ้าผู้ใช้เกิดเลิกใช้เป็นเวลานานเกินไป สำหรับ E-Mail ของสถาบัน จะหมดอายุแน่นอน หลักจากที่สำเร็จการศึกษา จึงเป็นจุดบกพร่องข้อใหญ่ ที่ทำให้นักศึกษา หันไปใช้ E-Mail ฟรี มากกว่าที่สถาบัน จัดไว้ให้
• การใช้ E-Mail กับผู้ให้บริการฟรี เช่น thaimail.com, lampang.net, thaiall.com หรือ chaiyo.com นั้น ผู้ใช้จะต้องไป download โปรแกรม browser เช่น netscape หรือ Internet Explorer หรือ Opera หรือ NeoPlanet มาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อ Internet แล้วเปิดหน้าเว็บของแหล่งบริการ เพื่อใช้บริการ E-Mail ดังกล่าว ซึ่งผู้ใช้จะต้องขอใช้บริการ และจะได้รับ userid และ password ประจำตัว เพื่อ login เข้าใช้บริการ E-Mail ทุกครั้ง
• ปัจจุบันการขอใช้บริการ E-Mail สามารถเลือกได้ที่จะใช้ web-based หรือ POP เพราะแต่ละแบบมีจุดเด่น จุดด้อยที่แตกต่างกัน โดย web-based จะเหมาะกับผู้ที่เดินทางเป็นประจำ ส่วน pop จะเหมาะกับผู้มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
• รายละเอียดเกี่ยวกับ e-mail อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaiall.com/article/mail.htm
--------------------------------------------------------------------------------
USENET news หรือ News group 
• ในยุคแรกของ Internet บริการ USENET ได้มีผู้ใช้บริการ อย่างแพร่หลายอย่างมาก เพราะเป็นแหล่ง ที่ผู้ใช้ จะส่งคำถามเข้าไป และผู้ใช้คนอื่น ๆ ที่พอจะตอบคำถามได้ จะช่วยตอบ ทำให้เกิดสังคมของ การแลกเปลี่ยนข่าวสาร นอกจากการส่งข้อความเข้าไปใน USENET แล้ว ผู้ใช้ยังส่งแฟ้มในรูปแบบใด ๆ เข้าไปก็ได้ ซึ่งเรียกว่า Attach file หากแฟ้มที่ส่งเข้าไปเป็นภาพ gif หรือ jpg หรือแฟ้มที่มีการรองรับ ในระบบ internet ก็จะเปิดได้ทันทีด้วย browser หรือแล้วแต่โปรแกรมที่ใช้เปิด USENET นั้น
• แต่สำหรับประเทศไทย ผมสังเกตุว่า มีการเข้าไปใช้บริการในส่วนนี้ไม่มาก เพราะกลุ่มข่าว(News group) ที่ชื่อ soc.culture.thai ซึ่งเป็น 1 ในหลายหมื่นกลุ่มข่าว และมีชื่อที่เป็นไทยอย่างชัดเจน กลับมีคนต่างชาติ เข้าไปฝากข้อความไว้กว่าครึ่ง และมีคนไทยเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเข้าใจว่าผู้ใช้ Internet ในประเทศไทยมักเน้นการใช้บริการ Internet 3 อย่างนี้ คือ Browser และ PIRC และ ICQ
• อีกเหตุผลหนึ่ง ที่คนไทยไม่ได้เข้าไปใช้บริการ USENET เท่าที่ควรก็เพราะ ในเว็บของคนไทยหลาย ๆ เว็บจะให้บริการที่ชื่อว่า wwwboard ผ่าน browser อยู่แล้ว ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับ USENET อย่างมาก ทำให้คนไทยหันมาใช้ wwwboard แทน USENET ซึ่งต้องติดตั้งข้อกำหนดเพิ่มเติมให้กับ browser ซึ่งอาจรู้สึกยุ่งยาก ไม่รู้ หรือไม่คุ้นเคยก็เป็นได้ และปัจจุบันบริการต่าง ๆ มักจะรวมมาไว้ใน browser อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้มากมาย ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องไปใช้โปรแกรมอื่น เพราะทุกวันนี้ก็ใช้บริการ ที่อยู่ใน browser ไม่หมดแล้ว เช่น web, mail, chat, wwwboard, game, quiz, pager, news, postcard, shopping, download เป็นต้น
• ถ้าเครื่องท่านถูก setup ให้อ่าน news ได้ ท่านสามารถเข้าไปที่ soc.culture.thai เพื่ออ่าน หรือส่งข่าวสาร ต่าง ๆ ได้
--------------------------------------------------------------------------------
FTP (File Transfer Protocal - บริการโอนย้ายข้อมูล) 
• บริการนี้ สามารถใช้ download แฟ้มผ่าน browser ได้เพราะการ download คือ การคัดลอกโปรแกรมจาก server มาไว้ในเครื่องของตน แต่ถ้าจะ upload แฟ้ม ซึ่งหมายถึง การส่งแฟ้มจากเครื่องของตน เข้าไปเก็บใน server เช่นการปรับปรุง homepage ให้ทันสมัย ซึ่ง homepage ของตนถูกจัดเก็บใน server ที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง จะต้องใช้โปรแกรมอื่น เพื่อส่งแฟ้มเข้าไปใน server เช่นโปรแกรม cuteftp หรือ wsftp หรือ ftp ของ windows
• การ download นั้นไม่ยาก หากผู้ให้บริการยอมให้ใครก็ได้เข้าไป download แฟ้มใน server ของตน และผู้ใช้บริการรู้ว่าแฟ้มที่ต้องการนั้นอยู่ที่ใด แต่การ upload มักไม่ง่าย เพราะต้องใช้โปรแกรมเป็น และมีความเป็นเจ้าของในเนื้อที่ที่จะกระทำ รวมทั้งมี userid และ password เพื่อแสดงสิทธิในการเข้าใช้บริการ การศึกษาการส่งแฟ้มเข้าไปใน server อาจต้องหา บทเรียน ftp มาอ่านเพื่อศึกษาวิธีการส่ง หรือหาอ่านได้จาก เว็บที่ให้บริการ upload แฟ้ม ซึ่งมักเขียนไว้ละเอียดดีอยู่แล้ว
--------------------------------------------------------------------------------
WWW
• World Wide Web คือบริการที่ให้ผู้ใช้ ใช้โปรแกรม Browser เช่น Netscape, Internet Explorer, Opera หรือ Neoplanet เป็นต้น ในการเปิดข้อมูลในลักษณะ Homepage ซึ่งสามารถนำเสนอได้ทั้งภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ทำให้มีการแพร่หลาย และเป็นสื่อที่ได้รับความสนใจ และเติบโตอย่างรวดเร็ว
• บริการผ่านเว็บนี้ ได้รับการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อในลักษณะ Interactive ด้วยโปรแกรมสนับสนุนต่าง ๆ จนทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น การดูภาพยนต์ ผ่านเว็บ, การเล่นเกมส์, การทำข้อสอบ, การส่ง mail, การส่ง pager, การติดต่อซื้อขาย, การส่ง postcard เป็นต้น
--------------------------------------------------------------------------------
Net2Phone 
• บริการนี้คือการโทรศัพท์จากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องรับโทรศัพท์จริง ๆ และได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก เพราะมีอัตราค่าโทรศัพท์ที่ถูกกว่า และยังมีบริการ Net2Fax ซึ่งให้บริการ Fax เอกสาร
จากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่อง Fax จริง ๆ ซึ่งมีอัตราค่าบริการที่ถูกกว่าเช่นกัน
• บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมมาติดตั้ง และจะต้องจ่ายเงินก่อน ซึ่งเป็นการซื้อเวลาล่วงหน้า เมื่อมีการใช้บริการ จึงจะหักค่าใช้บริการจากที่ซื้อไว้

--------------------------------------------------------------------------------
Netmeeting 
• เป็นโปรแกรมที่มีชื่อมาก เพราะทำให้คนจากซีกโลกหนึ่ง สามารถติดต่อกับอีกซีกโลก ด้วยเสียงจาก คอมพิวเตอร์ ซึ่งคล้ายโทรศัพท์ แต่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่อย่างใด และโปรแกรมในลักษณะนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกับ เครื่องรับภาพ digital ดังนั้นคนที่มีโปรแกรมนี้จะคุยกันและ เห็นภาพของแต่ละฝ่าย จึงทำให้การติดต่อมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพิ่มเติม
• บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง แต่ปัญหาที่สำคัญในการติดต่อแบบนี้คือเรื่อง ของความเร็ว เพราะการติดต่อด้วยเสียง อาจได้เสียงที่ไม่ชัดเจน หรืออาจขาดหายระหว่างการสนทนา หากความเร็วในการเชื่อมต่อ internet ไม่เร็วพอ และจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะเพิ่มการรับ-ส่งภาพ แบบ VDO สำหรับเครื่องที่เชื่อมต่อด้วยความเร็วต่ำ

--------------------------------------------------------------------------------
ICQ 
• บริการนี้เป็น บริการที่เยี่ยมมาก และได้รับความนิยม เพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะผู้ที่มีคอมพิวเตอร์ เป็นของตนเอง และมีโปรแกรม ICQ อยู่ในเครื่อง จะสามารถติดต่อกับเพื่อน ที่ใช้โปรแกรม ICQ อยู่ได้อย่างสะดวก เพราะเมื่อเปิดเครื่อง โปรแกรมนี้จะแสดงสถานะของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ทำการตรวจสอบไว้ ว่า Online อยู่หรือไม่ เปรียบเสมือนการมี pager ติดคอมพิวเตอร์ไว้ทีเดียว
• ได้มีผู้พัฒนาโปรแกรมเสริมอีกมากมาย ให้ ICQ สามารถทำงานได้หลายหลายมากขึ้น และยิ่ง แพร่กระจายได้เร็ว ในกลุ่มหนุ่มสาว ที่ต้องการเพิ่ม เพราะจะแสดงสถานะของ เครื่องเพื่อน เมื่อเปิด คอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถติดต่อได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องโทรไปถามบ่อย ๆ ว่าเปิดคอมพิวเตอร์หรือยัง เป็นต้น
• บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง และเป็นโปรแกรมที่ download ได้ฟรี

--------------------------------------------------------------------------------
IRC : Internet Relay Chat 
• บริการนี้คนไทยทุกวัย ชอบกันมาก โดยเฉพาะโปรแกรม PIRC เพราะทำให้สามารถคุยกับใครก็ได้ที่ใช้ โปรแกรม PIRC การคุยกันจะใช้ผ่านแป้นพิมพ์เป็นสำคัญ โดยไม่ต้องเห็นหน้า หรือรับผิดชอบต่อสิ่ง ที่พิมพ์ออกไป อย่างจริงจัง เพราะไม่มีการควบคุมจากศูนย์ที่ชัดเจน ทำให้ทุกคนมีอิสระที่จะคิดจะส่ง ข้อมูลออกไป ได้ทุกชาติ ทุกภาษา
• ใน IRC ใด ๆ มักจะมีการแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยมีชื่อห้องบอกว่า ในห้องนั้นจะคุยกันเรื่องอะไร เช่น "วิธีแก้เหงา" หากใครต้องการคุยถึงวิธีแก้เหงา เข้าไปในห้องนั้น หรือหลาย ๆ ห้องได้ และแสดงความเห็น อะไรออกไปก็ได้ และยังสามารถเลือกคุยกับใครเป็นการส่วนตัว หรือจะคุยให้ทุกคน ที่เปิดหัวข้อนี้ รับทราบก็ได้ เมื่อคุยกันถูกคอก็สามารถ ที่จะนัดพบกันตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อนสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือจะนัดคุยกันในคอมพิวเตอร์ ในครั้งต่อไป ในห้องที่กำหนดขึ้นก็ได้ จึงทำให้ทุกเพศทุกวัยชื่นชอบ ที่จะใช้บริการนี้อย่างมาก
• บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง และเป็น Shareware หากผู้ใช้พอใจ สามารถที่จะ ลงทะเบียนเพื่อจ่ายเงิน $20 ได้
--------------------------------------------------------------------------------
Game online 
• เกมกลยุทธหลาย ๆ เกมที่ โปรแกรมจะจำลองสถานการณ์การรบ ทำให้ผู้ใช้สามารถต่อสู้กับ คอมพิวเตอร์ เสมือนคอมพิวเตอร์คิดเอง และสู้กับเราได้ แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องของเกมที่ไม่สามารถสร้าง ความมันส์ เหมือนกับการสู้กับคนที่คิด และพูดกับอีกฝ่ายได้ จึงได้มีการสร้างเกม และบริการที่ทำ ให้ผู้ใช ้ ้ต่อสู้กัน โดยให้ผู้ใช้ติดต่อเข้าไปในเครื่องบริการ แล้วเสียเงินลงทะเบียน จากนั้นจะสามารถขอเข้าไป เล่นเกมกับใครก็ได้ในโลก ที่เสียเงินเช่นกัน และพูดคุยกันผ่านแป้นพิมพ์ เป็นการทำ ความรู้จักกัน ในขณะเล่นเกมได้อีกด้วย ซึ่งเป็นบริการที่กำลังเติมโต อย่างรวดเร็วอีกบริการหนึ่ง ในโลก Internet
--------------------------------------------------------------------------------
Software Updating 
• มีโปรแกรมมากมายที่ใช้ประโยชน์จาก Internet และหนึ่งในนั้นก็คือ บริการปรับปรุงโปรแกรม แบบ Online เช่น โปรแกรมฆ่าไวรัส ที่มีชื่อเสียง เกือบทุกโปรแกรม จะยอมให้ผู้ใช้สามารถปรับปรุงข้อมูลใหม่ เพื่อใช้สำหรับเตรียมต่อสู้กับไวรัส ที่มาใหม่เสมอ ผู้ใช้เพียงแต่เลือก Click บนปุ่ม Update จากนั้น โปรแกรมจะทำทุกอย่างใหม่หมด จนกระทั่งการ update สมบูรณ์ หรือแม้แต่ Microsoft Windows ที่ยอมให้ผู้ใช้สามารถ Update โปรแกรมที่ตนขายไปแล้ว แต่มาพบข้อผิดพลาดทีหลัง หลังจากแก้ไข จะยอมให้ผู้ใช้ Update โปรแกรมได้ฟรี เพราะถือเป็นความผิดพลาดที่ต้องรับผิดชอบ เป็นต้น
--------------------------------------------------------------------------------
Palm หรือ PocketPC 
• Palm หรือ PocketPC นั้นต่างก็เป็น Organizer ยุคใหม่มีอีกชื่อหนึ่งว่า PDA (Personal Digital Assistant) ซึ่งถูกตั้งชื่อโดย Apple ตั้งแต่ปี 1990 แต่สมัยนั้นยังไม่สำเร็จ จึงมีการพัฒนาการเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน
• คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่มีความสามารถสูงมาก เพราะสามารถพัฒนาโปรแกรม สั่งให้ palm ทำงานได้หลาย ๆ อย่าง ทำให้ความสามารถหลักด้าน organizer กลายเป็นส่วนประกอบไปเลย เพราะมีผู้พัฒนาโปรแกรมให้กับ palm มากทีเดียว คนไทยก็ทำครับ เพื่อให้ palm เข้าใจภาษาไทย และใช้ปากกาเขียนภาษาไทยให้ palm อ่านรู้เรื่องได้ทันที
• Palm สามารถทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยผู้ใช้ palm สามารถเขียน mail ใน palm เพื่อต้องการส่งก็ upload เข้าคอมพิวเตอร์ที่ online กับ internet แล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะทำหน้าที่ส่ง mail ให้อัตโนมัติ รวมถึงการรับ mail ใหม่เข้าไปใน palm ทำให้สามารถอ่าน mail จากที่ไหนก็ได้ แต่เป็นการทำงานแบบ offline นะครับ ไม่เหมือนมือถือที่อ่าน mail ได้แบบ online แต่ palm ไม่ใช่มือถือครับ
ภาพทั้งหมดเกี่ยวกับ palm ได้มาจาก http://www.palm.com

--------------------------------------------------------------------------------
PocketPC คืออะไร 
คือ ผลจากที่ปี 1998 Microsoft แนะนำ WindowCE ซึ่งทำงานกับ Palm-sized PC ซึ่งพยายามตี palm ให้แตก ด้วยการสร้างระบบปฏิบัติการ ที่เป็นมาตรฐานใหม่ บริษัทต่าง ๆ ที่สนใจจึงเริ่มผลิตสินค้า ที่ใช้ Windows CE โดยมีชื่อเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ว่า PocketPC คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่กำหนดมาตรฐานโดย Microsoft เจ้าเก่า(งานนี้ palm อาจต้องหนาว) ทำให้ PocketPC ที่ผลิดโดยบริษัทใดก็แล้วแต่ เช่น Compaq, Casio, HP เป็นต้น สามารถเปิดเว็บ พิมพ์ Word หรือ Excel ฟัง MP3 หรือแม้แต่ดูหนัง ก็ยังได้
กองทัพอุปกรณ์เทคโนโลยี จาก casio.com นำทัพโดย PocketPC ที่จะมาโค่น palm

--------------------------------------------------------------------------------
WAP 
• Wireless Application Protocal เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้โทรศัพท์ สามารถเปิดเว็บที่ถูกเขียนมาเพื่อ โทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะได้ เว็บของไทยที่ให้บริการแล้ว เช่น http://wap.wopwap.com, http://wap.siam2you.com, http://wap.a-roi.com, http://wap.mweb.co.th เป็นต้น
• โทรศัพท์ที่ออกมาให้บริการแล้ว เช่น Nokia7110, Nokia9110i, EricssonR320, EricssonA2618, Alcatel OneTouch View WAP หรือ 300 family หรือ 500 family หรือ 700 family, MotorolaV8088 เป็นต้น
• เว็บที่มีข้อมูลเรื่อง wap เช่น wapinsight.com, wap-uk.com, waphq.com, wapjag.com, yourwap.com, waptastic.com เป็นต้น
WAP ย่อมาจากคำว่า Wireless Application Protocal เป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำให้โทรศัพท์มือถือ หน้าจอเล็กๆ ของคุณสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้โดยตรง ทำให้คุณสามารถ ทำอะไรได้หลากหลายเสมือนกับคุณใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Browser เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การค้นหาสืบค้นข้อมูล หรือการใช้บริการต่างๆ ของ WAP Site และที่สำคัญที่สุดคือ คุณสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ทุกที่ทุกเวลาตราบใดที่ยังมีสัญญาณมือถือ หรือสัญญาณ GPRS อยู่นั่นเอง

ข้อมูลทั้งหมดจาก : http://www.krujongrak.com/internet/internet.html